คู่มือเตรียมไฟล์สำหรับเครื่องพิมพ์ UV Epson V1030 ฉบับรวบรัดเข้าใจง่าย วิธีทำไฟล์พิมพ์ยูวี

คู่มือเตรียมไฟล์สำหรับเครื่องพิมพ์ UV Epson V1030 ฉบับรวบรัดเข้าใจง่าย

คู่มือเตรียมไฟล์สำหรับเครื่องพิมพ์
UV Epson V1030 ฉบับรวบรัดเข้าใจง่าย

คู่มือเตรียมไฟล์สำหรับเครื่องพิมพ์ UV Epson V1030

คู่มือเตรียมไฟล์สำหรับเครื่องพิมพ์ UV Epson V1030

หลักการสำคัญที่ต้องรู้

นี่คือพื้นฐานสำคัญ 4 ข้อที่ต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนเริ่มงานพิมพ์ เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพสูงสุดและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

CMYK

โหมดสี CMYK

ต้องตั้งค่าโหมดสีของไฟล์เป็น CMYK เสมอสำหรับงานพิมพ์ เพื่อป้องกันปัญหาสีเพี้ยนจากโหมด RGB ที่ใช้สำหรับหน้าจอ

300

ความละเอียด 300 PPI

ใช้ความละเอียดอย่างน้อย 300 PPI (Pixels Per Inch) เพื่อให้งานพิมพ์มีความคมชัดสูง ไม่แตกเบลอ โดยเฉพาะกับภาพถ่ายและรายละเอียดเล็กๆ

ระยะตัดตก (Bleed)

ขยายพื้นที่พื้นหลังของงานออกแบบออกไปรอบด้านอย่างน้อย 3 มม. เพื่อป้องกันขอบขาวที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดที่คลาดเคลื่อน

แปลงฟอนต์ (Outline)

แปลงข้อความทั้งหมดให้เป็นวัตถุ (Create Outlines) เพื่อป้องกันปัญหาฟอนต์เพี้ยนเมื่อเปิดไฟล์บนเครื่องอื่นที่ไม่มีฟอนต์เดียวกัน

หลักการสำคัญในการเตรียมไฟล์งานสำหรับเครื่องพิมพ์ UV

โหมดสี: ความสำคัญของ CMYK และข้อแตกต่างจาก RGB

หลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเตรียมไฟล์งานพิมพ์คือการใช้โหมดสีที่ถูกต้อง โหมดสีที่ใช้ในงานพิมพ์คือ

 

CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, Key/Black) ซึ่งเป็นระบบสีแบบลบ (Subtractive) ที่สร้างสีจากการดูดกลืนแสงของแม่สีหมึกทั้งสี่ ซึ่งแตกต่างจากโหมดสี

 

RGB (Red, Green, Blue) ที่ใช้สำหรับหน้าจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งเป็นระบบสีแบบเพิ่มแสง (Additive) ปัญหาที่พบบ่อยคือผู้ใช้งานออกแบบงานในโหมด RGB ซึ่งมีขอบเขตสีที่กว้างกว่ามาก และเมื่อนำไปพิมพ์โดยไม่มีการแปลงสี

 

งานที่ได้จะมีสีที่ผิดเพี้ยนไปจากที่เห็นบนหน้าจอ โดยเฉพาะสีสดใสหรือสีนีออน ซึ่งอาจดูหมองหรือผิดเพี้ยน เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรตั้งค่าไฟล์เป็น CMYK ตั้งแต่เริ่มต้นการออกแบบ

ความละเอียดของภาพ: DPI/PPI ที่เหมาะสมสำหรับงานพิมพ์

เพื่อคุณภาพงานพิมพ์ที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง ไฟล์งานควรมีความละเอียดอย่างน้อย 300 DPI (Dots Per Inch) หรือ 300 PPI (Pixels Per Inch)

 

ความละเอียดนี้ถือเป็นมาตรฐานสากลสำหรับงานสิ่งพิมพ์ทั่วไป

การใช้ไฟล์ที่มีความละเอียดต่ำกว่า 300 DPI อาจทำให้งานพิมพ์ที่ออกมามีลักษณะเป็นเม็ดหรือเบลอได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิมพ์ในขนาดใหญ่

การจัดการสีดำ: Rich Black vs. Standard Black

การเลือกใช้สีดำที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณภาพงานพิมพ์  มีสีดำหลักสองประเภทที่ใช้ในการพิมพ์:

 

  • Rich Black: เป็นสีดำที่สร้างจากการผสมแม่สี CMY และ K เข้าด้วยกัน  ทำให้ได้สีดำที่เข้มและลึกกว่าสีดำที่มาจาก K เพียงอย่างเดียว  เหมาะสำหรับการใช้กับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ต้องการความทึบแสงสูง
  • Standard Black (K-Only): คือสีดำที่ใช้ค่า K 100% เพียงอย่างเดียว เหมาะสำหรับข้อความขนาดเล็กและเส้นบางๆ  เนื่องจากเมื่อพิมพ์แล้วจะไม่มีปัญหาความคลาดเคลื่อน (misregistration) ของแม่สีที่อาจทำให้ข้อความดูเลอะ

 

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดคือ Registration Black ซึ่งเป็นสีดำที่ใช้ค่า C:100, M:100, Y:100, และ K:100 สีดำชนิดนี้ถูกสงวนไว้สำหรับเครื่องหมายในการพิมพ์ (เช่น crop marks) เพื่อใช้ในการตั้งค่าการพิมพ์เท่านั้น

 

การนำไปใช้ในงานดีไซน์จะทำให้หมึกมีความหนาแน่นสูงเกินไป ส่งผลให้งานพิมพ์แห้งช้า เลอะง่าย และอาจทำให้กระดาษหรือวัสดุเป็นคลื่นได้ การทำความเข้าใจความแตกต่างของสีดำแต่ละประเภทเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมคุณภาพงานพิมพ์ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับฟิสิกส์ของการวางชั้นหมึกบนพื้นผิววัสดุ

การเตรียมไฟล์สติ๊กเกอร์ด้วย Adobe Illustrator

เทคนิคการตั้งค่าเอกสารเบื้องต้น

ขั้นตอนแรกในการเตรียมไฟล์สติ๊กเกอร์ในโปรแกรม Adobe Illustrator คือการสร้างไฟล์ใหม่ด้วยการตั้งค่าที่เหมาะสม ควรตั้งค่าโหมดสีเป็น

 

CMYK และความละเอียด (Raster Effects) เป็น 300 PPI 

 

นอกจากนี้ ควรแปลงข้อความทั้งหมดให้เป็นวัตถุ (Convert to Shape/Create Outline)

เพื่อป้องกันปัญหาฟอนต์เพี้ยนเมื่อไฟล์ถูกเปิดบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีฟอนต์นั้นๆ

การสร้างเลเยอร์และกำหนด Spot Color สำหรับหมึกขาวและวานิช

กำลังปรับปรุง

Leave a reply